มด เป็นแมลงชนิดหนึ่ง สามารถพบได้ทั่วไปตั้งแต่เขตร้อน (Tropics) จนถึงบริเวณใกล้เขตขั้วโลก (Subartic) สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ดีทั้งในสภาพแวดล้อมทั่วไปในพื้นที่เกษตรกรรมและบริเวณที่อยู่อาศัย จนมีคำกล่าวว่า มดครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ ประมาณว่าทั่วโลกพบมดที่จำแนกชนิดแล้ว 15,000 ชนิด ส่วนในประเทศไทยคณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายงานว่ามีการพบมดแล้วทั้งหมด 9 วงศ์ย่อย 86 สกุล 512 ชนิด โดยมดจัดเป็นแมลงสังคมชนิดหนึ่งที่มีพฤติกรรมความเป็นอยู่แตกต่างจากแมลงอื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแมลงสังคมมีอยู่ 2 อันดับ คือ อันดับ Hymenoptera ได้แก่ กลุ่มของ ผึ้ง ต่อ แตน และมด และอันดับ Isoptera ได้แก่ ปลวก
มดเป็นแมลงสังคมที่อยู่ในวงศ์ Formicidae จัดเป็นแมลงสังคมแท้จริงชั้นสูงที่ขนาดรังมีประชากรเป็นจำนวนมาก มีการสร้างรังอย่างประณีต และสมาชิกภายในรังมีการแบ่งชั้นวรรณะแยกออกจากกันให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งรูปร่าง ลักษณะและหน้าที่ โดยมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสมาชิกภายในรัง มดมีบทบาทต่อคนในหลายลักษณะทั้งที่เป็นแมลงทำลายศัตรูพืชผลทางการเกษตรในแปลงปลูกและในโรงเก็บ ทำความเสียหายทางด้านปศุสัตว์ โดยเข้ากัดกินตัวอ่อน ส่วนในบ้านเรือนของคนนั้น มดจะเข้ามาก่อความรำคาญและทำความเสียหาย โดยเข้ามามีส่วนแบ่งในอาหารและที่อยู่อาศัยของคน นอกจากนั้นมดยังสามารถทำอันตรายกับคนโดยตรง โดยมดบางชนิดสามารถกัดหรือต่อยด้วยเหล็กใน หรือทั้งกัดและต่อยทำให้เกิดความเจ็บปวด เกิดอาการแพ้ หรือเกิดแผลการติดเชื้อบริเวณที่ถูกกัดหรือต่อยนั้น จากสาเหตุดังกล่าวมดจึงจัดเป็นทั้งแมลงศัตรูทางการแพทย์และทางเกษตรกรรม นอกจากมดจะสร้างปัญหาแก่มนุษย์ สัตว์เลี้ยง และพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว มดยังสร้างปัญหาในภาคอุตาหกรรมต่างๆอีกด้วย โดยเข้าไปอาศัยในอุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก
ลักษณะโดยทั่วไปของมด |
โครงสร้างภายนอกของมดประกอบด้วย ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง แต่ละส่วนจะมีอวัยวะหรือลักษณะที่สำคัญต่างๆปรากฏอยู่ ลักษณะเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในมดแต่ละกลุ่ม ส่วนลักษณะอื่นของมดที่แตกต่างจากแมลงชนิดอื่นอย่างเห็นได้ชัดคือ หนวดมีลักษณะหักงอแบบข้อศอก (Geniculate) แบ่งออกได้เป็น Scape และ Funicle ในเพศเมียจำนวนปล้องหนวดจะมี 4-12 ปล้อง ส่วนเพศผู้มี 9-13 ปล้อง ปากเป็นแบบกัดกิน มีฟันหรือกรามเรียกว่า Mandible ซึ่งมดบางชนิดจะมีฟันที่ใหญ่สามารถมองเห็นได้เด่นชัด ส่วนท้องปล้องที่ 1 ของมดจะไปรวมกันกับอกปล้องที่ 3 เรียกว่า Propedeum ท้องปล้องที่ 2 หรือ 3 มีลักษณะเป็นก้าน Abdominal pedicel ซึ่งอาจจะมีปุ่มหรือไม่มีก็ได้ ส่วนท้องปล้องที่เหลือรวมเรียกว่า gaster มดเพศเมียบางชนิดจะมีเหล็กในยื่นอออกมาให้เห็นจากปลายของส่วนท้อง มดจะมีตารวมขนาดใหญ่ 1 คู่ (Compound eyes) บางชนิดมีตาเดียว (Ocelli) ซึ่งโดยทั่วไปจะมี 3 ตาอยู่เหนือระหว่างตารวม ตาเดี่ยวจะไม่ได้ทำหน้าที่ในการรับภาพ
|
ชีววิทยา และนิเวศวิทยาของมด |
วงจรชีวิตมดเป็นแมลงที่มีการเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) ในวงจรชีวิตประกอบด้วยระยะ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย เนื่องจากมดเป็นแมลงสังคม สมาชิกที่อยู่ในรังจะมีการแบ่งชั้นวรรณะแยกออกจากกันให้เห็นอย่างชัดเจน ประกอบด้วย |
นิเวศวิทยา (พฤติกรรม) |
มดเป็นแมลงที่มีกำเนิดมาช้านาน โดยเมื่อศึกษาจากซากฟอสซิล นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีกำเนิดมานานกว่า 50 ล้านปี มดเป็นแมลงที่มีวิวัฒนาการสูง สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมและสามารถอยู่รอดได้ดี เนื่องจากมดมีพฤติกรรมต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต พฤติกรรมเหล่านี้ประกอบด้วย 1. พฤติกรรมการผสมพันธุ์และสร้างรัง เมื่อประชากรภายในรังมีความหนาแน่นมากและต้องการขยายรังสมาชิกในรังที่ทำ หน้าที่ผสมพันธุ์ จะบินออกจากรังเดิมเพื่อจับคู่กับมดจาก รังอื่นโดยมดงานจะขุดรูให้เป็นทางออกของแม่รังตัวใหม่ มดที่มีวิวัฒนาการสูงจะจับคู่และผสมพันธุ์บนที่สูง เช่น บนต้นไม้ ส่วนมดที่วิวัฒนาการต่ำจะผสมพันธุ์บนพื้นดิน หลังจากนั้นมดแม่รังหรือหมดราชินีจะหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างรังซึ่งจะ แตกต่างกัน ออกไปแล้วแต่ชนิดของมด แล้วเริ่มต้นสร้างรังใหม่ เมื่อพบพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วมดรังจะสลัดปีกออกและวางไข่ อุณหภูมิและความชื้น มีอิทธิพล ต่อการผสมพันธุ์ และเมื่อภายในรังมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นมดราชินีจะมีการผลิตมดเพศผู้และ เพศเมียเพื่อทำหน้าที่ผสมพันธุ์ในรุ่นต่อไป 2. พฤติกรรมการหาอาหาร มดออกหาอาหารได้ทั้งกลางวันและกลางคืน กินอาหารได้หลากหลาย สามารถเป็นได้ทั้งตัวห้ำหรือเป็นพวกกินซาก กินได้ทั้งเมล็ดพืชหรือ ดูดกินอาหารที่เป็นของเหลว มดงานบางชนิดสามารถเก็บอาหารที่เป็นของเหลวไว้ในกระเพาะจนเต็ม แล้วนำกลับไปแจกจ่ายให้กับสมาชิก ตัวอื่นในรังได้ โดยใช้วิธีสำรอกออกมาในเวลาไม่เกิน 20 ชั่วโมง 3. พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร มดมีการติดต่อสื่อสารโดยปล่อยสารที่เรียกว่าฟีโรโมน ที่มดตัวอื่นจะได้รับการติดต่อได้โดยอาศัยหนวดและขาคู่หน้า ฟีโรโมนมีหลายชนิด ฟีโรโมนนำทาง - โดยมดจะปล่อยไว้ตามทางที่มันเดินผ่านไปเพื่อให้สมาชิกตามไปแหล่งอาหารได้ถูก ต้องและเมื่อพบอาหารมากๆ มด จะช่วยกันปล่อยฟีโรโมนทำให้มีมดเป็นจำนวนมากกรูมาที่อาหารอย่างรวดเร็ว ฟีโรโมนเตือนภัย – พบว่าเมื่อปล่อยออกมาเป็นจำนวนน้อยๆ จะใช้สื่อสารด้านการเตือนภัยแต่ถ้าปล่อยออกมาในปริมาณมากๆ สามารถ ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างได้ด้วย เช่น ให้เข้าโจมตีศัตรู ขุดรูและพบว่าสารนี้จะไม่จำเพาะเจาะจงกับชนิดของมดเหมือนกับฟีโรโมนนำทาง ฟีโรโมนอื่นๆ มดจะปล่อยออกมาในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น มดตัวอ่อนสามารถปล่อยฟีโรโมนกระตุ้นให้มดงานป้อนอาหารให้เมื่อมันรู้สึกหิว หรือฟีโรโมนที่แม่รังปล่อยออกมาเพื่อควบคุมกิจกรรมของประชากรภายในรัง 4. พฤติกรรมการใช้เสียง มดสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยใช้เสียงเพื่อเป็นการเตือนภัยเรียกสมาชิกให้ มาอยู่รวมกันเมื่อพบศัตรูหรือเรียกเพื่อนๆ มาช่วยเมื่อมี อันตรายเกิดขึ้น |
ชนิดมดที่สำคัญ | |||
1. มดคันไฟ (Fire Ant) ลักษณะสำคัญ: มีสีเหลืองแดง มีขนที่หัวและตัว หนวดมี 10 ปล้อง อกแคบ โดยปล้องแรกจะมีลักษณะกลม ท้องรูปไข่มีลายขวางสีน้ำตาล มีเหล็กใน ลำตัวมีความยาว 7-8 มิลลิเมตร
3. มดเหม็น (Ghost Ant)
5. มดง่าม (Big headed)
|